วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ท่ารำที่ใช้ประกอบรำวงมาตรฐาน 10 เพลง

ท่ารำที่ใช้ประกอบรำวงมาตรฐาน 10 เพลง มีดังนี้
1. เพลงงามแสงเดือน
ชาย  
สอดสร้อยมาลา
หญิง 
สอดสร้อยมาลา
2.เพลงชาวไทย
ชาย  
ชักแป้งผัดหน้า
หญิง 
ชักแป้งผัดหน้า
3.เพลงรำมาซิมารำ
ชาย
  รำส่าย
หญิง 
รำส่าย
4.เพลงคืนเดือนหงาย
ชาย  
สอดสร้อยมาลาแปลง
หญิง 
สอดสร้อยมาลาแปลง
5.เพลงดวงจันทร์วันเพ็ญ
ชาย  
แขกเต้าเข้ารังและผาลาเพียงไหล่
หญิง 
แขกเต้าเข้ารังและผาลาเพียงไหล่
6.เพลงดอกไม้ของชาติ
ชาย 
 รำยั่ว
หญิง 
รำยั่ว
7.เพลงหญิงไทยใจงาม
ชาย  
พรหมสี่หน้าและยูงฟ้อนหาง
หญิง
 พรหมสี่หน้าและยูงฟ้อนหาง
8.เพลงดวงจันทร์ขวัญฟ้า
ชาย  
ช้างประสานงาและจันทร์ทรงกลดแปลง
หญิง
 ช้างประสานงาและจันทร์ทรงกลดแปลง
9.เพลงยอดชายใจหาญชาย จ่อเพลิงกาฬ
หญิง 
ชะนีร่ายไม้
10.เพลงบูชานักรบ
ชาย 
จันทร์ทรงกลด/ขอแก้ว
หญิง ขัดจางนาง/ล่อแก้ว

1

วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ประวัติการรำไทย


ประวัติการรำไทย

ประวัติ นาฏศิลป์ไทย เป็นศิลปะการละครฟ้อนรำและดนตรีอันมีคุณสมบัติตามคัมภีร์นาฏะหรือนาฏยะ กำหนดว่า ต้องประกอบไปด้วยศิลปะ 3 ประการ คือ การฟ้อนรำ การดนตรี และการขับร้อง รวมเข้าด้วยกัน ซึ่งทั้ง 3 สิ่งนี้ เป็นอุปนิสัยของคนมาแต่ดึกดำบรรพ์ นาฏศิลป์ไทยมีที่มาและเกิดจากสาเหตุแนวคิดต่าง ๆ เช่น เกิดจากความรู้สึกกระทบกระเทือนทางอารมณ์ไม่ว่าจะอารมณ์แห่งสุข หรือความทุกข์และสะท้อนออกมาเป็นท่าทางแบบธรรมชาติและประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นท่า ทางลีลาการฟ้อนรำ หรือเกิดจากลัทธิความเชื่อในการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธ์ เทพเจ้า โดยแสดงความเคารพบูชาด้วยการเต้นรำ ขับร้องฟ้อนรำให้เกิดความพึงพอใจ เป็นต้น นอกจากนี้นาฏศิลป์ไทย ยังได้รับอิทธิพลแบบแผนตามแนวคิดจากต่างชาติเข้ามาผสมผสานด้วย เช่น วัฒนธรรมอินเดียเกี่ยวกับวรรณกรรมที่เป็นเรื่องของเทพเจ้าและตำนานการฟ้อนรำ โดยผ่านเข้าสู่ประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมคือผ่านชนชาติชวาและเขมร ก่อนที่จะนำมาปรับปรุงให้เป็นรูปแบบตามเอกลักษณ์ของไทย เช่นตัวอย่างของเทวรูปศิวะปางนาฏราช ที่สร้างเป็นท่าการร่ายรำของพระอิศวร ซึ่งมีทั้งหมด 108 ท่า หรือ 108 กรณะ โดยทรงฟ้อนรำครั้งแรกในโลก ฌ ตำบลจิทรัมพรัม เมืองมัทราส อินเดียใต้ ปัจจุบันอยู่ในรัฐทมิฬนาดูนับเป็นคัมภีร์สำหรับการฟ้อนรำ แต่งโดยพระภรตมุนีเรียกว่าคัมภีร์ภรตนาฏยศาสตร์ ถือเป็นอิทธิพลสำคัญต่อแบบแผนการสืบสานและถ่ายทอดนาฏศิลป์ของไทยจนเกิดขึ้น เป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่มีรูปแบบ แบบแผนการเรียน การฝึกหัด จารีตขนบธรรมเนียมมาจนถึงปัจจุบัน อย่าง ไรก็ตาม บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาทางด้าน นาฏศิลป์ไทยได้สันนิษฐานว่า อารยธรรมทางศิลปะด้านนาฏศิลป์ของอินเดียนี้ได้เผยแพร่เข้ามาสู่ประเทศไทย ตั้งแต่สมันกรุงศรีอยุธยาตารมประวัติการสร้างเทวาลัยศิวะนาฏราชที่สร้างขึ้น ในปี พ.ศ. 1800 ซึ่งเป็นระยะที่ไทยเริ่มก่อตั้งกรุงสุโขทัย ดังนั้นท่ารำไทยที่ดัดแปลงมาจากอินเดียในครั้งแรกจึงเป็นความคิดของนัก ปราชญ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และมีการแก้ไขปรับปรุงหรือประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในกรุงรัตนโกสินทร์ จนนำมาสู่การประดิษฐ์ท่าร่ายรำและละครไทยมาจนถึงปัจจุบัน